ผมเชื่อเลยครับว่าหัวข้อนี้ หลายๆครอบครัว หลายๆบ้าน น่าจะกำลังประสบพบเจอกับสถานกา…

ผมเชื่อเลยครับว่าหัวข้อนี้ หลายๆครอบครัว หลายๆบ้าน น่าจะกำลังประสบพบเจอกับสถานการณ์ดังกล่าวบ้างไม่มากก็น้อย ด้วยรูปแบบวิถีชีวิต สังคมในปัจจุบันที่พ่อแม่ ผู้ปกครองเองต่างก็มีภาระ ความรับผิดชอบที่ดูเหมือนจะมากขึ้น เวลาน้อยลง ทำให้การเลี้ยงดู เอาใจใส่ในตัวเอง และครอบครัว ลูกหลานก็น้อยลงตามไปด้วย
.
หากครอบครัวไหน หรือบ้านไหนก็ตามครับที่กำลังเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนอื่นเลยทางเราก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ หากใครที่กำลังเหนื่อย กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ สถานการณ์ดังกล่าว เริ่มแรกหลังจากที่เราได้สติ ไม่ใช้อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นกับตัวเราเอง และตัวลูกหลาน และนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ต้องการจากกันและกัน เด็กเองก็เช่นกันครับ เด็กไม่ว่าจะวัยไหน ต่างก็ต้องการการเอาใจใส่ ต้องการกำลังใจ ต้องการให้พ่อแม่ ผู้ปกครองชี้นำ ชี้แนะ ฟังอย่างใส่ใจถึงความเป็นเขา ความต้องการของเขา ไม่ใช้อารมณ์ ดุ ด่า ตะโคก
พ่อแม่ผู้ปกครองของลูกๆหลานๆ ควรเอาใจใส่เรื่องวินัยในการดำเนินชีวิต การแบ่งเวลาในการจัดการชีวิต สิ่งนี้สำคัญครับ เป็นการปลูกฝัง สร้างนิสัยที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต โดยที่มีผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครองนำทาง ส่วนวิธีการนั้น อยากให้เป็นการคุยกันด้วยเหตุและผล ไม่เป็นการชี้สั่งให้ทำตาม เพราะไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ไม่มีใครชอบถูกสั่งหรือบังคับ แต่จะเป็นการคุยกันให้เห็นถึงผล ว่าเพราะอะไรถึงต้องทำแบบนี้ แล้วจะได้อะไรจากการกระทำแบบนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจอย่างรอบด้านให้กับเด็กครับ
แบ่งเวลาอยู่ร่วมกัน สร้างสรรค์กิจกรรมภายในครอบครัว สมัยก่อนที่เทคโนโลยียังไม่มีบทบาทมากนัก ครอบครัวได้มีโอกาส ได้อยู่ร่วมกัน นั่งกินข้าว นั่งคุยกัน นั่งดูทีวี หรือทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันมากกว่าสมัยนี้ เห็นด้วยกันไหมครับ ดังนั้นอย่าลืมที่จะใช้เวลาร่วมกันในทุกๆวัน อย่างน้อยแม้จะเป็นช่วงเวลานึงก็ตาม เพื่อสร้างสัมพันธภาพอันดี ความกลมกลืน กลมเกลียวกันภายในครอบครัวด้วยครับ
การสื่อสารเชิงบวก พูดคุยกันอย่างตั้งใจ เข้าอกเข้าใจ และใส่ใจนั้นก็สำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียว สำหรับผู้ใหญ่หลายๆ ท่านการยิ่งดุ ยิ่งด่า ยิ่งตะโกนดังเท่าไหร่นั้น จะเท่ากับว่ายิ่งได้ผลเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมันกลับส่งผลเสียตามมา นั่นคือความห่างเหิน หมางเมินกัน ถ้างั้นควรทำยังไงหละ? อันดับแรกถ้าโกรธหรือมีอารมณ์ ยังไม่ควรสื่อสารหรือพูดกับเขา แล้วเปลี่ยนเป็นการกอดกัน หอมกัน คุยกันวางแผนในการใช้ชีวิตร่วมกัน รู้ปัญหากันและกัน สนับสนุนช่วยเหลือกันและกัน ทำให้รู้ว่าผู้ใหญ่เองก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาเองก็ต้องการคำแนะนำจากเรา พอบรรยากาศดีขึ้น การสื่อสารก็จะง่ายขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น
.
และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการในการอยู่ร่วมกันกับคนในครอบครัว ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยนะครับ เมื่อไหร่ที่เราเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการสื่อสารให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ในเชิงบวก บรรยากาศในครอบครัว พฤติกรรมของคนในครอบครัวเองก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ผู้ใหญ่เอง ผู้ปกครองเองก็จะสบายใจมากขึ้น เมื่อครอบครัวเข้าใจกันมากขึ้น ภาระภายในบ้านก็จะถูกแบ่งเบาจากคนในครอบครัวของเราเอง และการใช้ชีวิตของทุกคนก็จะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น โดยคนในครอบครัวคอยเกื้อหนุนกันและกัน ยังไงก็ลองทำกันดูนะครับ แล้วจะพบว่าสิ่งมหัศจรรย์ เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเรา
.
#ฮิตติดกระแส #คุยเปิดใจ #path2health

ที่มา : คุยเปิดใจลูกหลานปลอดภัย